หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แนวข้อสอบ ป.อาญา ข้อ 51 - 100

ข้อสอบกฎหมายอาญา ชุดที่ 2

51. นายแดงเป็นเจ้าของช้างซึ่งกำลังตกมัน นายแดงปล่อยช้างอยู่ตามลำพัง โดยเพียงแต่ใช้เชือกผูกไว้กับต้นไม้ แทนที่จะใช้โซผูก ช้างหลุดจากเชือกที่ผูกและตรงเข้าจะใช้งาแทงนายดำ นายดำกลัวจึงใช้ปืนยิงช้างของนายแดง กระสุนถูกช้างของนายแดงตายและกระสุนยังพลาดไปถูกช้างของนายเหลืองซึ่งอยู่ห่างออกไปตายด้วย ดังนี้ ให้วินิจฉัยความผิดของนายดำ( เนติ 41 )

ก. นายดำไม่มีความผิดทำให้เสียทรัพย์ เพราะอ้างเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ข. นายดำไม่มีความผิดทำให้เสียทรัพย์ช้างของแดง แต่ต้องรับผิดการตายของช้างนายเหลือง

ค. นายดำมีความผิดทำให้เสียทรัพย์ช้างทั้งสองตัว

ง. นายดำมีความผิดทำให้เสียทรัพย์ แต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะเหตุจำเป็น

52. เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมนายเช้ากับนายเที่ยงข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ นายเช้ากับนายเที่ยงวิ่งหนี แล้วนายเช้าหันมาต่อสู้โดยชักอาวุธปืนออกจากเอวแล้วกระชากลูกเลื่อนเพื่อให้กระสุนเข้าลำกล้อง แต่เจ้าพนักงานตำรวจแย่งเอาอาวุธปืนจากนายเช้าไว้ได้ก่อนที่จะกระชากลูกเลื่อนสำเร็จ จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจไล่ติดตามจับกุมนายเที่ยง นายเที่ยงเห็นจวนตัวชักปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจ แต่กระสุนด้าน โดยนายเที่ยงเคยใช้ยิงมาก่อน จึงทราบว่าเป็นกระสุนปืนที่ด้าน แต่เข้าใจว่ายังใช้ได้ ดังนี้ นายเช้ากับนายเที่ยงมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 41 )

ก. นายเช้าผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง ไม่ผิดฐานพยายามฆ่า นายเที่ยงผิดต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้

ข. นายเช้าและนายเที่ยงผิดฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางและร่วมกันพยายามฆ่า

ค. นายเช้าผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง และยายามฆ่า นายเที่ยงผิดต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่า

ง. นายเช้าผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง ไม่ผิดฐานพยายามฆ่า นายเที่ยงผิดต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่า

53. นางสาวเรียมอายุ 17 ปี เป็นบุตรนายเรืองกับนางเริ่มซึ่งรักใคร่ขอบพอกับนายขวัญ นายขวัญชวนนางสาวเรียมไปเที่ยวที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ นางสาวเรียมตกลง นายขวัญขับรถยนต์เก๋งมารับนางสาวเรียมที่หน้าบ้านของนางสาวเรียมแล้วไปขึ้นเครื่องบินที่ดอนเมืองไปกรุงโซล ระหว่างพักด้วยกันที่กรุงโซลนั้น นายขวัญได้ร่วมประเวณีกับนางสาวเรียมหลายครั้ง โดยความสมัครใจของนางสาวเรียม เที่ยวงานอยู่ 3 วัน นายขวัญกับนางสาวเรียมจึงเดินทางกลับประเทศไทย ปรากฏว่า นายขวัญอายุ 25 ปี และมีภริยาอยู่แล้วทั้งไม่ได้มีเจตนาจะเลี้ยงดูนางสาวเรียมเป็นภริยา ดังนี้ นายขวัญจะมีความผิดฐานใด และถูกลงโทษในราชอาณาจักรได้เพียงใดหรือไม่( เนติ 41 )

ก. นายขวัญจะมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ แต่ไม่ต้องรับโทษในราชอาณาจักร

ข. นายขวัญจะมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเรา ถูกลงโทษในราชอาณาจักร

ค. นายขวัญจะมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์และถูกลงโทษในราชอาณาจักร

ง. นายขวัญจะมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและถูกลงโทษในราชอาณาจักร

54. นายอุทัยขับรถยนต์จากจังหวัดนครสวรรค์จะไปกรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงจังหวัดอ่างทองเจ้าพนักงานตำรวจตั้งด่านตรวจรถอยู่ ร้อยตำรวจโทองอาจให้สัญญาณแก่นายอุทัยให้หยุดรถ และขอตรวจใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ความจริงนายอุทัยถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดใบอนุญาตขับขี่ไปหลายเดือนแล้ว นายอุทับเกรงว่าตนจะถูกจับกุม จึงบอกว่าใบอนุญาตขับขี่หายไปและบอกด้วยว่าตนเป็นเป็นตำรวจเหมือนกัน พันตำรวจตรีอุทัย สารวัตรสืบสวนสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ ขอให้ปล่อยตัวไป นายอุทัยมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 41 )

ก. นายอุทัยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน , แสดงตนและกระทำเป็นเจ้าพนักงาน และ ใช้ยศและตำแหน่งโดยไม่มีสิทธิ ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146

ข. นายอุทัยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และ ใช้ยศและตำแหน่งโดยไม่มีสิทธิ ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146

ค. นายอุทัยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน , แสดงตนและกระทำเป็นเจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146

ง. นายอุทัยมีความผิดฐาน แสดงตนและกระทำเป็นเจ้าพนักงาน และ ใช้ยศและตำแหน่งโดยไม่มีสิทธิ ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146

55. นายแดงทราบดีว่าบิดาได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ตนกับพี่ชายและน้องอีกสองคน แต่นายแดงได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกของบิดา อ้างว่าบิดาไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ศาลเชื่อตามคำเบิกความของนายแดงในการไต่สวนว่าเป็นความจริง จึงมีคำสั่งตั้งนายแดงเป็นผู้จัดการมรดก นายแดงได้นำคำสั่งศาลไปแสดงและขอโอนที่ดินมรดกต่อเจ้าพนักงานที่ดินมาเป็นชื่อนายแดงในฐานะผู้จัดการมรดก เจ้าพนักงานที่ดินได้บันทึกข้อความตามคำสั่งศาลลงไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรม และโอนมรดกใส่ชื่อนายแดงในฐานะผู้จัดการมรดก ดังนี้ นายแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 41 )

ก. นายแดงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ , เบิกความเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 137,177,267

ข. นายแดงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ , เบิกความเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 137,177

ค. นายแดงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 137, 267

ง. นายแดงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 177

56. นายเอก นายโท และนายตรีตกลงกันปล้นหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งมีบ้าน 3 หลังอยู่ใกล้เคียงกัน โดยนายเอกกับนายโทมีอาวุธปืนคนละกระบอก นายตรีไม่มีอาวุธอะไร เมื่อเดินทางถึงหมู่บ้านนั้น นายเอกเข้าไปในบ้านหลังที่หนึ่ง นายโทเข้าไปในบ้านหลังที่สอง และนายตรีเข้าไปในบ้านหลังที่สาม นายเอกกับนายโทใช้อาวุธปืนดังกล่าวขู่เจ้าทรัพย์ให้ส่งทรัพย์ ส่วนนายตรีพูดขู่ให้เจ้าทรัพย์ส่งทรัพย์ให้ เมื่อได้ทรัพย์แล้วพากันหลบหนีไปด้วยกัน เจ้าพนักงานตำรวจติดตามไป ยิงนายเอกและนายโทตาย คงจับนายตรีได้เพียงคนเดียว ดังนี้ให้วินิจฉัยว่า นายตรีมีความผิดฐานใดบ้างหรือไม่( เนติ 41 )

ก. มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ ,ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองฯ

ข. มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ,ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองฯ

ค. มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ

ง. มีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์เท่านั้น

57. นายชมไปเที่ยวงานต้อนรับนางงามจักรวาลที่ท้องสนามหลวง ซึ่งวันนั้นฝนตกนายชิดตรงเข้าไปพูดขอร่มที่นายชมถืออยู่ นายชมไม่ยอมให้ นายชิดแย่งร่มไปจากนายชม นายชมแย่งคืนได้ นายชิดแย่งไปได้อีก แล้วพูดว่า ถ้าเอ็งมีอาวุธกูแทงเสียแล้วขณะพูดนายชิดใช้มือล้วงใต้เสื้อตรงขอบกางเกงหน้าท้อง แล้วนายชิดพาเอาร่มของนายชมหลบหนีไป ส่วนนายชอบเพื่อนนายชิดคิดว่านายชมต้องมีทรัพย์อื่นอีก จึงใช้มือรวบคอนายชมดูเมื่อพบว่าสวมสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งสลึงอยู่ นายชอบก็กระตุกสร้อยดังกล่าวไป สร้อยบาดคอนายชมเป็นแผลไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กาย ดังนี้ นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานใด

ก. นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์

ข. นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์

ค. นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์

ง. นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานชิงทรัพย์

58. นายแสงกู้เงินนายสอนไปหนึ่งหมื่นบาทแล้วไม่ชำระ เมื่อนายสอนไปทวงนายแสงขอดูสัญญากู้ แล้วฉีกสัญญาเพื่อจะไม่ต้องชำระเงินแก่นายสอน พอนายแสงฉีกสัญญากู้ออกเป็น 2 ชิ้น นายสอนแย่งสัญญากู้ไว้ได้ก่อนที่นายแสงจะฉีกต่อไปอีก นายแสงจึงกลับบ้านแล้วนำเงินหนึ่งหมื่นบาทไปชำระให้นายสอนเรียบร้อย ดังนี้ นายแสงมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 41 )

ก. นายแสงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตาม ป.อาญา มาตรา 358

ข. นายแสงมีความผิดฐานทำลายเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 188

ค. นายแสงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และทำลายเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 358, 188

ง. นายแสงไม่มีความผิด เพราะนายสอนไม่เสียหาย

59. นายสินกับนายทรัพย์คนไทยอยู่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกันนำเรือประมงไปจับปลาในทะเลอาณาเขตของประเทศมาเลเซีย ถูกศาลมาเลเซียพิพากษาจำคุกคนละหกเดือน เมื่อพ้นโทษแล้วนายสินกับนายทรัพย์กลับมาอยู่เมืองไทยได้หนึ่งปี นายสินทำร้ายร่างกายนายทรัพย์ นายทรัพย์จึงฟ้องศาลขอให้ลงโทษนายสินและขอให้เพิ่มโทษตามกฏหมายด้วย ดังนี้ ถ้าศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกนายสินหนึ่งปี ศาลจะต้องเพิ่มโทษนายสินหรือไม่ และถ้าหากศาลเห็นสมควรรอการลงโทษ ศาลจะรอการลงโทษนายสินได้หรือไม่( เนติ 42 )

ก. ศาลจะเพิ่มโทษนายสินไม่ได้ แต่ศาลจะรอการลงโทษได้

ข. ศาลเพิ่มโทษนายสินได้ แต่ศาลจะรอการลงโทษได้

ค. ศาลจะเพิ่มโทษนายสินไม่ได้ และศาลจะรอการลงโทษไม่ได้

ง. ศาลจะเพิ่มโทษนายสินได้ แต่ศาลจะรอการลงโทษไม่ได้

60. นายชมและนายชิดได้เข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึกด้วยกัน โดยต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง นายชมเห็นหลังพุ่มไม้แห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหว นายชมรีบร้อนไม่ตรวจตราดูให้ดีโดยคิดว่าเป็นหมูป่า นายชมจึงใช้ปืนยิงไปทันที ปรากฏว่าความจริงไม่ใช่หมูป่า แต่เป็นนายชิตซึ่งกำลังดักซุ่มจะยิงสัตว์ป่าอยู่ กระสุนปืนถูกนายชิตได้รับอันตรายสาหัสและกระสุนยังเลยไปถูกนายชัยซึ่งเดินหลงทางอยู่ในป่า ห่างไกลจากบริเวณนั้น นายชัยถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายชมจะมีความผิดฐานใดบ้าง ( เนติ 42 )

ก. นายชมมีความผิดฐานพยายามฆ่านายชิด และผิดฐานฆ่านายชัยโดยพลาด

ข. นายชมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายชิดได้รับอันตรายสาหัส และผิดฐานฆ่านายชัยโดยพลาด

ค. นายชมมีความผิดฐานยายามฆ่านายชิด และนายชมไม่มีความผิดกรณีกระสุนปืนถูกนายชัย

ง. นายชมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายชิดได้รับอันตรายสาหัส และนายชมไม่มีความผิดกรณีกระสุนปืนถูกนายชัย

61. นายเด่น นายกเทศมนตรี มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบการบริหารราชการทั้งปวงภายในเขตเทศบาลได้ประกาศเรียกประกวดราคาจ้างถมดินอ่างเก็บน้ำ ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดชำนาญถมชนะการประกวดราคาในราคาต่ำสุดและเป็นราคาต่ำกว่าราคากลางที่ทางราชการกำหนดไว้ นายเด่นจึงลงนามในสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดชำนาญถมเป็นผู้รับจ้างและได้ออกคำสั่งแต่งตั้งนายดวงซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัสดุมีหน้าที่ดูแลรักษาและสั่งอนุญาตใช้รถยนต์ของเทศบาล เป็นกรรมการตรวจรับงานจ้างถมดินอ่างเก็บน้ำ นายดวงได้โอกาสจึงเข้าเป็นผู้รับเหมางานช่วงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมโดยนำรถยนต์บรรทุกของทางราชการไปใช้ขนดินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมจนเสร็จตามสัญญา ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายเด่นและนายดวงเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมให้วินิจฉัยว่า นายเด่นและนายดวงมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานใดหรือไม่ ( เนติ 58 )

ก. นายเด่น ไม่มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152 นายดวง มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 151 และ ปอ. มาตรา 152

ข. นายเด่น มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152 นายดวง มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 151 และ ปอ. มาตรา 152

ค. นายเด่น ไม่มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152 นายดวง ไม่มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 151 และ แต่ผิดตาม ปอ. มาตรา 152

ง. นายเด่น ไม่มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152 นายดวง ไม่มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 151 และ ปอ. มาตรา 152

62. นายจิตต้องการขโมยร่มของนายใจ แต่ไม่มีโอกาสที่จะไปหยิบร่มนั้นด้วยตนเอง นายจิตจึงไปหลอกนายจอมว่าร่มของนายใจเป็นของนายจิต ขอให้นายจอมช่วยหยิบส่งมาให้โดยจะให้เงินค่าจ้าง นายจอมหลงเชื่อ จึงหยิบร่มของนายใจส่งให้แก่นายจิต แล้วนายจิตก็เอาร่มนั้นไปให้วินิจฉัยว่า นายจอมและนายจิตมีความผิดฐานใดหรือไม่ ( เนติ 58 )

ก. นายจอมมีความผิด และนายจิตมีความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้นายจอมเป็นเครื่องมือ

ข. นายจอมไม่มีความผิด เพราะไม่มีเจตนาลักทรัพย์ และนายจิตมีความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้นายจอมเป็นเครื่องมือ

ค. นายจอมไม่มีความผิด เพราะไม่มีเจตนาลักทรัพย์ และนายจิตไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ง. นายจอมมีความผิด และนายจิตไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

63. นายหนึ่งปลูกข้าวไว้ในที่นาของตนซึ่งอยู่ติดกับถนนสาธารณะ ขณะนั้นเป็นฤดูฝน นายหนึ่งเกรงว่าหากฝนตกหนักน้ำจะท่วมที่นาของตนทำให้ข้าวที่ปลูกไว้ตาย นายหนึ่งจึงขุดถนนสาธารณะข้างที่นาของตนเพื่อทำเป็นทางระบายน้ำจากที่นาลงหนองน้ำสาธารณะ นอกจากนั้น นายหนึ่งยังถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวที่งอกขึ้นเองในหนองน้ำนั้นเพื่อให้น้ำไหลสะดวกหากฝนตก และนายหนึ่งเห็นอยู่แล้วว่ามีต้นข้าวขึ้นสูงจะออกรวงอยู่แล้วปะปนอยู่ระหว่างกอบัวและนายหนึ่งทราบดีว่านายสองผู้เป็นชาวนาเป็นคนปลูกต้นข้าวนั้น ปรากฏว่าต้นข้าวของนายสองถูกนายหนึ่งตัดขาดไปหลายต้น ให้วินิจฉัยว่า นายหนึ่งมีความรับผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 58 )

ก. การที่นายหนึ่งขุดถนนสาธารณะเพื่อทำเป็นทางระบายน้ำ นายหนึ่งอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นได้ การที่นายหนึ่งถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัว ย่อมเล็งเห็นผลอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวดังกล่าวจะทำความเสียหายให้แก่ต้นข้าวของนายสองได้ จึงถือว่ามีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ของนายสอง โดยนายหนึ่งจะอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็น ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึง

ข. การที่นายหนึ่งขุดถนนสาธารณะเพื่อทำเป็นทางระบายน้ำ นายหนึ่งมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 360 ฐานทำให้เสียทรัพย์ฯ โดยนายหนึ่งจะอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นไม่ได้ การที่นายหนึ่งถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัว ถือว่าไม่มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ของนายสอง

ค. การที่นายหนึ่งขุดถนนสาธารณะเพื่อทำเป็นทางระบายน้ำ นายหนึ่งมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 360 ฐานทำให้เสียทรัพย์ฯ โดยนายหนึ่งจะอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นไม่ได้ การที่นายหนึ่งถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัว ย่อมเล็งเห็นผลอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวดังกล่าวจะทำความเสียหายให้แก่ต้นข้าวของนายสองได้ จึงถือว่ามีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ของนายสอง โดยนายหนึ่งจะอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็น ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึง

ง. การที่นายหนึ่งขุดถนนสาธารณะเพื่อทำเป็นทางระบายน้ำ นายหนึ่งมีความผิดตาม ปอ.มาตรา 360 ฐานทำให้เสียทรัพย์ฯ โดยนายหนึ่งจะอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นไม่ได้ การที่นายหนึ่งถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัว ย่อมเล็งเห็นผลอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวดังกล่าวจะทำความเสียหายให้แก่ต้นข้าวของนายสองได้ จึงถือว่ามีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ของนายสอง แต่นายหนึ่งอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นได้

64. นายชัยมีความประสงค์ที่จะขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นของตนให้แก่นายชม แต่นายชัยเกิดป่วยหนักไม่สามารถดำเนินการเองได้ จึงตั้งใจจะทำหนังสือมอบอำนาจให้นายชาญจัดการแทน นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือมอบอำนาจ และมอบหมายให้นายชาญกรอกข้อความเอง แต่นายชัยถึงแก่ความตายเสียก่อนมีการกรอกข้อความ นายชาญจึงนำหนังสือมอบอำนาจที่นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อไว้ไปกรอกข้อความว่า นายชัยมอบอำนาจให้นายชาญขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชม ซึ่งตรงตามความประสงค์ของนายชัย ทั้งที่นายชาญรู้ว่านายชัยถึงแก่ความตายแล้ว และนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปให้นายชม โดยที่นายชมไม่รู้ว่านายชัยถึงแก่ความตาย วันต่อมา นายชาญและนายชมนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปยื่นแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชมให้วินิจฉัยว่า นายชาญมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 58 )

ก. นายชาญมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต้องลงโทษทั้งสองกระทง

ข. นายชาญมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม

ค. นายชาญไม่มีความผิดฐานใด

ง. นายชาญมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต้องลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมแต่เพียงกระทงเดียว

65. นายยอดประสงค์จะเช่าซื้อรถยนต์คันหนึ่ง จากบริษัทยานยนต์ จำกัด ซึ่งตนสามารถเช่าซื้อได้ในราคาถูก จึงชวนนายยิ่งให้ไปเช่าซื้อรถยนต์คนละคัน เพราะทราบมาว่านายยิ่งต้องใช้รถยนต์รับส่งลูกไปโรงเรียน ขณะนั้นนายยิ่งเพิ่งเสียการพนันเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงแกล้งตอบตกลงและไปทำสัญญา โดยนายยอดไม่ทราบความในใจของนายยิ่งว่าโดยใจจริงแล้วไม่คิดจะเช่าซื้อเลย ต่อมาเมื่อได้รับมอบรถยนต์ตามสัญญาแล้ว นายยิ่งก็นำรถยนต์ไปขายให้นายดำทันที ส่วนนายยอดเอง เมื่อผ่อนชำระราคาเช่าซื้อได้เพียง 8 งวด ก็ไม่สามารถผ่อนส่งต่อไปได้ จึงแอบนำรถยนต์ไปขายให้นายเขียวแล้วหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายยอดและนายยิ่งมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 58 )

ก. นายยอดมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และนายยิ่งมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์

ข. นายยอดมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และนายยิ่งมีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์

ค. นายยอดไม่มีความผิดใด และนายยิ่งมีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์

ง. นายยอดไม่มีความผิดใด และนายยิ่งมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์

66. นายเอกชวนนางสาวสมร อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นคนรักไปเที่ยวชายทะเลด้วยกัน โดยนายเอกมิได้ขออนุญาตนายโทบิดาของนางสาวสมร จนกระทั่งสองยามจึงพานางสาวสมรกลับบ้าน นายโทโกรธจึงต่อว่านายเอกว่า เป็นผู้ชายที่ชอบหลอกลวงผู้หญิงไปกระทำอนาจาร เป็นเสือผู้หญิงไว้ใจไม่ได้ ต่อหน้านางสาวสมรและนางแต๋ว เด็กรับใช้ โดยทราบดีว่าข้อความที่ตนกล่าวไม่เป็นความจริง นายเอกรู้สึกอายจึงนอนคิดทบทวนแล้วตัดสินใจที่จะฟันแขนเทียมทั้งสองข้างที่นายโทใช้แทนแขนจริงมานานแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นจึงไปดักซุ่มอยู่ที่หน้าบ้าน พอนายโทออกจากบ้านมา นายเอกใช้อาวุธมีดฟันแขนเทียมของนายโททั้งสองข้างจนขาด เป็นเหตุให้นายโทไม่อาจใช้แขนทำงานตามปกติได้ถึง 40 วัน เพราะต้องรอทำแขนเทียมอันใหม่เสร็จให้วินิจฉัยว่า นายเอกและนายโทมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 58 )

ก. นายเอกผิดฐานพรากผู้เยาว์ ทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ทำให้เสียทรัพย์ นายโทผิดฐานหมิ่นประมาท

ข. นายเอกผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ นายโทผิดฐานหมิ่นประมาท

ค. นายเอกผิดฐานพรากผู้เยาว์ และ ทำให้เสียทรัพย์ นายโทผิดฐานหมิ่นประมาท

ง. นายเอกผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และทำให้เสียทรัพย์ นายโทผิดฐานหมิ่นประมาท

67. นายเก่งเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเลขานุการสถานทูตไทยประจำประเทศปานากัว ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ในประเทศดังกล่าว นายเก่งได้ยักยอกเอาเงินของทางราชการที่ตนมีหน้าที่ดูแลไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน นายกล้าอัครราชทูตไทยประจำประเทศปานากัวทราบเรื่อง จึงเรียกนายเก่งมาสอบถาม นายเก่งขอให้นายกล้าปกปิดเรื่องนี้ไว้ โดยตนจะนำเงินมาคืนแก่ทางราชการ และขอให้ค่าปกปิดแก่นายกล้าหนึ่งล้านบาท แต่นายเก่งไม่นำเงินมาคืนแก่ทางราชการภายในกำหนด นายกล้าจึงรายงานให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเรื่องทั้งหมด กระทรวงการต่างประเทศจึงเรียกตัวนายเก่งและนายกล้ากลับ และได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่นายเก่ง ให้วินิจฉัยว่า นายเก่งมีความผิดฐานใด และต้องรับโทษในราชอาณาจักรหรือไม่( เนติ 55 )

ก. นายเก่งมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก ต้องรับโทษในราชอาณาจักรตาม ปอ.มาตรา 9 , และมีความผิดฐานขอให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ไม่ต้องรับโทษในราชอาณาจักร เพราะมิใช่ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในปอ.มาตรา 147 ถึงมาตรา 166 และมาตรา 200 ถึง มาตรา 205 และถึงแม้นายเก่งผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทยและกระทรวงการต่างประเทศผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษก็ตาม

ข. นายเก่งมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก ต้องรับโทษในราชอาณาจักรตาม ปอ.มาตรา 9 ,

ค. นายเก่งมีความผิดฐานขอให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ไม่ต้องรับโทษในราชอาณาจักร เพราะมิใช่ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในปอ.มาตรา 147 ถึงมาตรา 166 และมาตรา 200 ถึง มาตรา 205 และถึงแม้นายเก่งผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทยและกระทรวงการต่างประเทศผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษก็ตาม

ง. นายเก่งมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอก และมีความผิดฐานขอให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้ไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ แต่ไม่ต้องรับโทษในราชอาณาจักร

68. นางสาวลำไยอายุ 19 ปีไปเที่ยวดิสโกเธค ได้พบกับกลุ่มของนายแก้วและนายเกิด กับพวกอีก 2 คน นางสาวลำไยรู้สึกชอบนายแก้ว จึงได้เข้าไปนั่งพูดคุยกับนายแก้วที่โต๊ะเดียวกับกลุ่มของนายแก้ว ต่อมานายแก้วและนายเกิดกับพวกได้พานางสาวลำไยไปที่บ้านเกิดเหตุ นายแก้วพานางสาวลำไยเข้าไปในห้องนอนและกระทำชำเรานางสาวลำไยโดยนางสาวลำไยยินยอม เสร็จแล้วนายแก้วออกจากห้องไปโดยปล่อยให้พวกของนายแก้วอีก 2 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปข่มขืนกระทำชำเรานางสาวลำไยทีละคนโดยนางสาวลำไยไม่ยินยอม ส่วนนายเกิดนั่งรออยู่ที่โต๊ะหน้าห้องนอนที่เกิดเหตุ ถือเสื้อผ้าให้เพื่อนอีก 2 คนที่เข้าไปข่มขืนกระทำชำเรานางสาวลำไยโดยคอยดูเจ้าพนักงานตำรวจ เมื่อพวกของนายเกิดคนที่ 2 ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวลำไยเสร็จ นายเกิดเห็นเจ้าพนักงานตำรวจเดินผ่านมาหน้าบ้านที่เกิดเหตุก็ร้องบอกพวกของตน แล้วนายเกิดกับพวกอีก 2 คนนั้นก็พากันหลบหนีไป ให้วินิจฉัยว่า นายแก้วและนายเกิดมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 55 )

ก. นายแก้วไม่มีความผิดฐานใด นายเกิดมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับพวกข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

ข. นายแก้วมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง นายเกิดไม่มีความผิดฐานใด

ค. นายแก้วและนายเกิดมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับพวกข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

ง. นายแก้วมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง นายเกิดมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับพวกข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

69. นายดาวและนายดวงไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นมีนายแดงและนายดำนั่งดื่มสุราอยู่ก่อนแล้ว นายดาวซึ่งเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายดำน้องชายของนายแดงมาก่อนได้พูดต่อว่านายดำจนเกิดการโต้เถียงทะเลาะกันถึงขนาดที่นายดาวได้พูดว่าจะฆ่านายดำให้คนที่อยู่ในร้านได้ยินทั่วกัน นายดวงเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายจึงเข้าห้ามไว้จนเลิกทะเลาะกัน ครั้งเมื่อนายดำกลับไปแล้ว นายดาวซึ่งไม่มีอาวุธอะไรติดตัวได้เดินไปที่โต๊ะซึ่งนายแดงนั่งอยู่และพูดขึ้นว่า ไม่ได้น้องก็เอาพี่ ที่นี่ใครใหญ่พร้อมกับชี้หน้าด่าแม่นายแดงเท่านั้น โดยไม่ได้กระทำอะไรต่อไปอีก แต่นายแดงกลับสำคัญผิดคิดว่านายดาวจะใช้อาวุธอย่างใดอย่างหนึ่งฆ่าตน จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงนายดาวไป 1 นัด กระสุนปืนถูกที่บริเวณหน้าอกของนายดาว เป็นเหตุให้นายดาวถึงแก่ความตาย ให้วินิจฉัยว่า นายแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่( เนติ 55 )

ก. การที่นายแดงใช้อาวุธปืนยิงนายดาวตายจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุโดยสำคัญผิดตาม ปอ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 68 และมาตรา 62 วรรคหนึ่ง

ข. การที่นายแดงใช้อาวุธปืนยิงนายดาวตายจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุโดยสำคัญผิดตาม ปอ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 68 และมาตรา 62 วรรคหนึ่งแต่หากนายแดงใช้ความระมัดระวังก็จะทราบได้ว่าไม่มีภยันตรายตามที่ตนสำคัญผิดเกิดขึ้นจริง จึงต้องถือว่าความสำคัญผิดของนายแดงได้เกิดขึ้นด้วยความประมาทของนายแดง นายแดงจึงต้องรับผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตาม ปอ. มาตรา 291 ประกอบด้วย 62 วรรคสอง

ค. การที่นายแดงใช้อาวุธปืนยิงนายดาวตายจึงเป็นกระทำตามความจำเป็นตาม ปอ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72

ง. การที่นายแดงใช้อาวุธปืนยิงนายดาวตายจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุโดยสำคัญผิดตาม ปอ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 และมาตรา 62 วรรคหนึ่ง

70. นายแดงไปเที่ยวเมืองพัทยา พบนายแจ็คซึ่งเป็นเพื่อนกันมาก่อน ที่ห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง นายแจ็ค บอกนายแดงว่ามีธนบัตรปลอมของรัฐบาลไทยชนิด 1,000 บาท จำนวน 100 ฉบับ ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาชนิด 1 ดอลล่าร์ จำนวน 50 ฉบับ สามารถนำไปซื้อสินค้าในตลาดเมืองพัทยาได้สะดวก เพราะปลอมได้เหมือนของจริง นายแจ็คไดเอาธนบัตรปลอมทั้งสองชนิดให้นายแดงตรวจดู และบอกนายแดงด้วยว่าหากสนใจจะซื้อจะขายให้ในราคา 10,000 บาท นายแดงตรวจดูแล้วเห็นว่า ธนบัตรดังกล่าวปลอมได้เหมือนของจริง จึงตกลงรับซื้อไว้เพื่อจะนำไปใช้ซื้อสินค้าในตลาดเมืองพัทยา ขณะนายแดงเดินทางออกจากโรงแรมเพื่อจะไปซื้อสินค้ายังไม่ทันถึงตลาดก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้พร้อมธนบัตรปลอมของกลางทั้งสองชนิด ให้วินิจฉัยว่า นายแดงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่( เนติ 55 )

ก. นายแดงมีความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรรัฐบาลไทย และไม่มีความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ธนบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพราะชนิด1 ดอลล่าร์เลิกใช้แล้ว

ข. นายแดงไม่มีความผิดฐานใด เพราะยังไม่มีการนำออกใช้

ค. นายแดงมีความผิดฐานมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาตาม ปอ.มาตรา 244 บทหนึ่ง และมาตรา 247 ประกอบด้วยมาตรา 244 อีกบทหนึ่ง แต่มาตรา 244 ประสงค์จะลงโทษผู้ที่มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใดๆอันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมตามมาตรา 240 โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าเป็นของรัฐบาลไทยลงโทษตามมาตรา 244 ถ้าเป็นของรัฐบาลต่างประเทศลงโทษเพียงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 247

ง. นายแดงมีความผิดฐานมีธนบัตรรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปลอมเท่านั้น

71. นายโหดทราบว่านายอับโชคจะไปเบิกเงินจากธนาคาร จึงแจ้งวันเวลาที่นายอับโชคจะไปเบิกเงินให้นายเหี้ยมทราบและร่วมกับนายเหี้ยมวางแผนชิงทรัพย์ของนายอับโชค ครั้นถึงวันเกิดเหตุนายอับโชคไปเบิกเงินโดยชวนนายโหดไปเป็นเพื่อน เมื่อเบิกเงินได้แล้วนายอับโชคให้นายโหดถือกระเป๋าใส่เงินเดินตามหลังตนมา นายเหี้ยมซึ่งดักรออยู่ได้กระโดดถีบนายโหดล้มลง เป็นเหตุให้นายโหดได้รับอันตรายแก่กายและกระเป๋าใส่เงินหลุดมือ นายเหี้ยมหยิบกระเป๋าดังกล่าวเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายโหดและนายเหี้ยมมีความผิดฐานใด( เนติ 55 )

ก. นายโหดและนายเหี้ยมมีความผิดร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 339

ข. นายโหดมีความผิดฐานสนับสนุน และนายเหี้ยมมีความผิดลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ

ค. นายโหดไม่มีความผิด และนายเหี้ยมมีความผิดชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ และทำร้ายร่างกายนายโหด

ง. นายโหดและนายเหี้ยมมีความผิดร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ

72. นายดำเช่าบ้านไม้สักของนายรวยเป็นที่อยู่อาศัย ในระหว่างนายรวยเดินทางไปต่างประเทศ นายดำเล่นการพนันเสียจึงแอบเอาแจกันลายครามซึ่งอยู่ในห้องรับแขกของนายรวยไปขาย คืนวันหนึ่งของเดือนต่อมา นายดำได้ใช้ตะแลงงัดฝาบ้านเช่าของนายรวยออกมาหลายแผ่นจนบ้านมีรอยแตก แล้วนำแผ่นกระดาษไม้สักไปขายให้แก่ร้านค้าไม้ซึ่งอยู่ติดกับบ้านเช่า ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายดำเป็นความผิดฐานใดบ้าง( เนติ 55 )

ก. การที่นายดำเอาแจกันซึ่งอยู่ในบ้านของนายรวยไปขายเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งอยู่ในความครอบครองของตนไปโดยทุจริต ย่อมเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ส่วนการที่นายดำเช่าบ้านไม้สักของนายรวย ก็เพียงแต่ทำให้นายดำครอบครองบ้านของนายรวยไปสถาพอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เมื่อบ้านถูกงัดออกมาเป็นแผ่นกระดานย่อมเปลี่ยนสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์ นายดำจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ และการที่นายดำใช้ชะแลงงัดฝาบ้านย่อมเล็งเห็นผลได้โดยชัดแจ้งว่าจะทำให้บ้านเสียหาย การกระทำของนายดำย่อมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ข. การที่นายดำเอาแจกันซึ่งอยู่ในบ้านของนายรวยไปขายเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งอยู่ไม่ได้มอบการความครอบครองให้ไปโดยทุจริต ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนการที่นายดำเช่าบ้านไม้สักของนายรวย ก็เพียงแต่ทำให้นายดำครอบครองบ้านของนายรวยไปสถาพอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เมื่อบ้านถูกงัดออกมาเป็นแผ่นกระดานย่อมเปลี่ยนสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์ นายดำจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ และการที่นายดำใช้ชะแลงงัดฝาบ้านย่อมเล็งเห็นผลได้โดยชัดแจ้งว่าจะทำให้บ้านเสียหาย การกระทำของนายดำย่อมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ค. การที่นายดำเอาแจกันซึ่งอยู่ในบ้านของนายรวยไปขายเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งอยู่ในความครอบครองของตนไปโดยทุจริต ย่อมเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ส่วนการที่นายดำเช่าบ้านไม้สักของนายรวย เมื่องัดออกมาเป็นแผ่นกระดานย่อมเปลี่ยนสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์ นายดำจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และการที่นายดำใช้ชะแลงงัดฝาบ้านย่อมเล็งเห็นผลได้โดยชัดแจ้งว่าจะทำให้บ้านเสียหาย การกระทำของนายดำย่อมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ง. การที่นายดำเอาแจกันซึ่งอยู่ในบ้านของนายรวยไปขายเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งอยู่ในความครอบครองของตนไปโดยทุจริต ย่อมเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ส่วนการที่นายดำเช่าบ้านไม้สักของนายรวย ก็เพียงแต่ทำให้นายดำครอบครองบ้านของนายรวยไปสถาพอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เมื่อบ้านถูกงัดออกมาเป็นแผ่นกระดานย่อมเปลี่ยนสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์ นายดำจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์

73. นายนพเป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานที่ดินแห่งหนึ่ง มีหน้าที่รับเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ได้รับเรื่องราวขอจดทะเบียนซื้อที่ดินระหว่างนายรินผู้ซื้อกับนายโสผู้ขาย นายนพได้ดำเนินการประกาศตามขั้นตอนแล้วถือโอกาสคำนวณค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโอนให้เกินความเป็นจริง แล้วเอาเงินส่วนที่เกินเป็นของตนเอง แต่เนื่องจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับเจ้าของที่ดินชำรุด นายนพมีหน้าที่ต้องดำเนินการเกี่ยวกับการออกใบแทนด้วย นายนพได้กรอกข้อความลงในใบแทน โดยมีรายการจดทะเบียนด้านหลังว่านายรินรับโอนที่ดินจากนายโส แล้วประทับตรายางกระทรวงมหาดไทยถูกต้อง เพียงแต่ยังไม่มีลายมือชื่อของเจ้าพนักงานที่ดินและวันเดือนปีที่ออกใบแทนมอบให้นายรินไป ต่อมาปรากฎว่านายนพไม่ได้เสนอเรื่องราวขอจดทะเบียนของที่ดินรายนี้ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการตามหน้าที่ ทั้งที่สามารถทำได้ในวันดังกล่าว ให้วินิจฉัยว่า นายนพมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานใดหรือไม่(เนติ 54)

ก. นายนพกระทำโดยมีเจตนาเรียกและรับเอาเงินส่วนเกินไว้สำหรับตนเองโดยมิชอบ แต่นายนพไม่มีหน้าที่ จึงไม่เป็นผิดตาม ปอ. มาตรา 149 และการที่นายนพไม่เสนอเรื่องราวการขอจดทะเบียนขายที่ดินเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตทั้งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม ปอ. มาตรา 149 ส่วนการที่นายนพได้กรอกข้อความลงในใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ตามความเป็นจริง เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงแต่เอกสารยังลงรายการไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามระเบียบของราชการเท่านั้น นายนพจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาศที่ตนมีหน้าที่นั้น ตาม ปอ.มาตรา 161

ข. นายนพกระทำโดยมีเจตนาเรียกและรับเอาเงินส่วนเกินไว้สำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่ง จึงเป็นผิดตาม ปอ. มาตรา 149 และการที่นายนพไม่เสนอเรื่องราวการขอจดทะเบียนขายที่ดินยังไม่เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตทั้งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม ปอ. มาตรา 149 ส่วนการที่นายนพได้กรอกข้อความลงในใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ตามความเป็นจริง เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงแต่เอกสารยังลงรายการไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามระเบียบของราชการเท่านั้น นายนพจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาศที่ตนมีหน้าที่นั้น ตาม ปอ.มาตรา 161

ค. นายนพกระทำโดยมีเจตนาเรียกและรับเอาเงินส่วนเกินไว้สำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่ง จึงเป็นผิดตาม ปอ. มาตรา 149 และการที่นายนพไม่เสนอเรื่องราวการขอจดทะเบียนขายที่ดินเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตทั้งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม ปอ. มาตรา 149 ส่วนการที่นายนพได้กรอกข้อความลงในใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) นายนพจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาศที่ตนมีหน้าที่นั้น ตาม ปอ.มาตรา 161

ง. นายนพกระทำโดยมีเจตนาเรียกและรับเอาเงินส่วนเกินไว้สำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่ง จึงเป็นผิดตาม ปอ. มาตรา 149 และการที่นายนพไม่เสนอเรื่องราวการขอจดทะเบียนขายที่ดินเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตทั้งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม ปอ. มาตรา 149 ส่วนการที่นายนพได้กรอกข้อความลงในใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ตามความเป็นจริง เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงแต่เอกสารยังลงรายการไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามระเบียบของราชการเท่านั้น นายนพจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาศที่ตนมีหน้าที่นั้น ตาม ปอ.มาตรา 161

74. นายสมยั่วยุนายยอดโดยการพูดจาด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นานา เป็นเวลานานจนนายยอดโกรธ นายสมเห็นดังนั้นจึงวิ่งหนี นายยอดวิ่งไล่ตามไปติดๆ เพื่อจะทำร้ายนายสม เมื่อวิ่งไล่ตามได้ประมาณ 300 เมตร นายยอดซึ่งยังโกรธอยู่ได้ชักมีดพกขนาดเล็กออกมาจ้วงจะแพงนายสม นายสมกลัวได้ใช้มีดพกขนาดเท่าๆ กันแทงสวนไปถูกนายยอดบาดเจ็บ ให้วินิจฉัยว่า นายยอดและนายสมจะต้องรับผิดฐานใด หรือไม่(เนติ 54)

ก. นายยอดมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายนายสมตาม ปอ. มาตรา 295 ประกอบกับมาตรา 80 แต่นายยอดอ้างว่าได้กระทำความผิดโดยบันดาลโทสะได้ ตาม ปอ. มาตรา 172 ซึ่งศาลจะลงโทษนายยอดน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ นายสมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายยอดตาม ปอ. มาตรา 295 นายสมจะอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ปอ. มาตรา 69 ไม่ได้

ข. นายยอดมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายนายสมตาม ปอ. มาตรา 295 ประกอบกับมาตรา 80 นายสมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายยอดตาม ปอ. มาตรา 295 นายสมจะอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ปอ. มาตรา 69 ไม่ได้

ค. นายยอดมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายนายสมตาม ปอ. มาตรา 295 ประกอบกับมาตรา 80 แต่นายยอดอ้างว่าได้กระทำความผิดโดยบันดาลโทสะได้ ตาม ปอ. มาตรา 172 ซึ่งศาลจะลงโทษนายยอดน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ นายสมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายยอดตาม ปอ. มาตรา 295 นายสมอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ปอ. มาตรา 69 ได้

ง. นายยอดมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายนายสมตาม ปอ. มาตรา 295 ประกอบกับมาตรา 80 นายสมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายยอดตาม ปอ. มาตรา 295 นายสมอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ปอ. มาตรา 69 ได้

75. นายเดชรู้สึกรำคาญนายฤทธิ์ที่นั่งดื่มสุราอยู่ที่โต๊ะอาหารข้างๆ เพราะเมาสุราพูดเอะอะโวยวาย จึงชักอาวุธปืนลูกซองออกมาเล็งยิงไปที่ขวดสุราบนโต๊ะอาหารที่นายฤทธิ์นั่งอยู่ ลูกกระสุนปืนเป็นถูกขวดสุราของนายฤทธิ์แตก และลูกกระสุนปืนยังกระจายไปถูกนายฤทธิ์ได้รับอันตรายสาหัส นอกจากนี้ลูกกระสุนปืนยังกระจายไปถูกนายฉงนนักมายากลที่เผอิญอุ้มกระต่ายเดินเข้ามาในร้านอาหารพอดี เป็นเหตุให้นายฉงนถึงแก่ความตาย และลูกกระต่ายที่นายฉงนอุ้มอยู่ตายด้วย ให้วินิจฉัยว่า นายเดชมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดบ้าง(เนติ 54)

ก. นายเดชมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ตาม ปอ. มาตรา 288, 80, 59 วรรคสอง อีกบทหนึ่ง และ นายเดชมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 358, 60 บทหนึ่ง และฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 288, 60 อีกบทหนึ่ง

ข. นายเดชมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อขวดสุราของนายฤทธิ์ และ นายเดชมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 358, 60 บทหนึ่ง และฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 288, 60 อีกบทหนึ่ง

ค. นายเดชมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อขวดสุราของนายฤทธิ์ และฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ตาม ปอ. มาตรา 288, 80, 59 วรรคสอง อีกบทหนึ่ง และ นายเดชมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 358, 60 บทหนึ่ง และฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 288, 60 อีกบทหนึ่ง

ง. นายเดชมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อขวดสุราของนายฤทธิ์ และฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ตาม ปอ. มาตรา 288, 80, 59 วรรคสอง อีกบทหนึ่ง และ และฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 288, 60 อีกบทหนึ่ง

76. นายติ่งจดทะเบียนสมรสกับนางแดงที่สำนักทะเบียนเขตพระนคร และอยู่กินด้วยกันที่กรุงเทพมหานคร นายติ่งกับนางติ๋วได้ไปจดทะเบียนสมรสกัน ณ สำนักทะเบียนอำเภอเมืองเลย โดยนายติ่งแจ้งต่อนายทะเบียนว่าตนไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน นายทะเบียนจึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานในเอกสารการขอจดทะเบียนสมรสว่า นายติ่งไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน แล้วได้จดทะเบียนสมรสให้แก่นายติ่งกับนางติ๋ว เมื่อนางแดงทราบเรื่อง นางแดงได้ไปหานายติ่งที่บ้านของนายชอบบิดานางติ๋ว แต่ไม่พบ นางแดงโกรธ จึงดึงแผงรั้วไม้ไผ่ ซึ่งเป็นรั้วบ้านของนายชอบออกจำนวน 2 แผง แล้วนำมาเผานอกเขตบ้านของนายชอบ ให้วินิจฉัยว่า นายติ่งและนางแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 54)

ก. นายติ่งไม่มีความผิดฐานใด นางแดงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358

ข. นายติ่งจึงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จ ตาม ปอ. มาตรา 137 และมาตรา 267นางแดงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358

ค. นายติ่งจึงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตาม ปอ. มาตรา 137 นางแดงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358

ง. นายติ่งจึงมีความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จ ตาม ปอ. มาตรา 267นางแดงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358

77. คืนวันหนึ่ง นายมืดได้แอบเข้าไปในบริเวณบ้านของนายขาวเพื่อลักนกเขา เมื่อนายมืดปลดกรงนกเขาออกจากที่แขวนและเดินไปได้เล็กน้อยก็ถูกนางแสบคนรับใช้ของนายขาวเข้ามาแย่งกรงนกคืน ในระหว่างยื้อแย้งกรงนกเขากันอยู่นั้น นายมืดได้ใช้กรงนกยันไปที่ตัวนางแสบจนเซ แต่นางแสบไม่ยอมปล่อยกรงนก นายมืดจึงเปลี่ยนใจ เปิดกรงนกแล้วล้วงเอานกเขาออกมาแต่นกเขายังไม่ทันจะพ้นปากประตูกรง นายขาวเห็นเหตุการณ์และจะเข้าไปช่วยนางแสบ นายมืดจึงปล่อยนกเขาคืนไว้ในกรงแล้ววิ่งหลบหนีไป แต่ด้วยความรีบร้อนได้เตะกระถางลายครามของนายขาวซึ่งอยู่บริเวณนั้นแตก ให้วินิจฉัยว่า นายมืดมีความผิดฐานใดบ้าง(เนติ 54)

ก. นายมืดมีความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 339 วรรค 2 แต่นายมืดมิได้มีเจตนาทำให้กระถางลายครามของนายขาวแตก จึงไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358 นอกจากนั้นนายมืดยังมีความผิดฐานบุกรุกตาม ปอ. มาตรา 364

ข. นายมืดมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 339 วรรค 2 , ทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358 นอกจากนั้นนายมืดยังมีความผิดฐานบุกรุกตาม ปอ. มาตรา 364

ค. นายมืดมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 339 วรรค 2 แต่นายมืดมิได้มีเจตนาทำให้กระถางลายครามของนายขาวแตก จึงไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358 นอกจากนั้นนายมืดยังมีความผิดฐานบุกรุกตาม ปอ. มาตรา 364

ง. นายมืดมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 339 วรรค 2 แต่นายมืดมิได้มีเจตนาทำให้กระถางลายครามของนายขาวแตก จึงไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ปอ. มาตรา 358

78. นางสาวแดงรู้ความลับเกี่ยวกับความประพฤติในทางชู้สาวของนางสวยนายจ้างของนางสาวแดง แต่นางสาวแดงไม่เคยคิดจะนำความลับนี้ไปเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบ แต่เมื่อถูกนายดำเพื่อนชายคะยั้นคะยอนางสาวแดงจึงบอกความลับดังกล่าวให้นายดำฟัง ต่อมานายดำได้แอบโทรศัพท์ไปหานางสวยขู่ว่าจะนำความลับนี้ไปเปิดเผยให้สามีของนางสวยทราบเว้นแต่นางสวยจะเลิกกีดกันนางสาวแดงกับตนและยอมให้ตนเข้าไปหานางสาวแดงที่บ้านของนางสวยได้ทุกเวลา นางสวยกลัวคำขู่ของนายดำจึงตอบตกลงและยอมให้นายดำเข้าไปในบ้านในเวลาต่อมา ให้วินิจฉัยว่า นางสาวแดงและนายดำมีความผิดฐานใดบ้าง(เนติ 54)

ก. นางสาวแดงจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ปอ. มาตรา 326 นายดำมีความผิดฐานกรรโชกทรัพย์

ข. นางสาวแดงจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ปอ. มาตรา 326 นายดำมีความผิดฐานรีดเอาทรัพย์

ค. นางสาวแดงไม่มีความผิด นายดำมีความผิดต่อเสรีภาพตาม ปอ.มาตรา 309 วรรคหนึ่ง

ง. นางสาวแดงจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ปอ. มาตรา 326 นายดำมีความผิดต่อเสรีภาพตาม ปอ.มาตรา 309 วรรคหนึ่ง

79. นายซิงห์คนสัญชาติอินเดีย โดยสารเครื่องบินชั้นประหยัดของสายการบินแอร์อินเดีย เพื่อเดินทางจากประเทศอินเดียมายังประเทศไทย ระหว่างที่เครื่องบินอยู่เหนือน่านฟ้าในทะเลหลวง นายซิงห์ได้แอบไปนั่งในชั้นธุรกิจ นางสาวสวยแอร์โฮสเตส คนสัญชาติไทยเห็นจึงเชิญให้กลับไปนั่งที่เดิม นายซิงห์ไม่พอใจจึงได้ใช้มีดทำร้ายนางสาวสวยได้รับอันตรายสาหัส นายซันกัปตันคนสัญชาติอินเดียเห็นเหตุการณ์ จึงเข้าไปห้ามนายซิงห์ นายซิงห์กำลังโมโหจึงใช้มีดกรีดเสื้อนายซันจนขาดเพื่อตักเตือนไม่ให้เข้ามายุ่ง แล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม เมื่อเข้ามาในประเทศแล้ว นางสาวสวยและนายซันเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจ หากพนักงานอัยการฟ้องนายซิงห์ฐานทำร้ายร่างกายนางสาวสวยได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 และฟ้องนายซิงห์ฐานทำให้ทรัพย์ของนายซันเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ให้วินิจฉัยว่า นายซิงห์จะถูกลงโทษในราชอาณาจักรได้เพียงใดหรือไม่(เนติ 52)

ก. กรณีนายซิงห์ฐานทำร้ายร่างกายนางสาวสวยได้รับอันตรายสาหัส ลงโทษในราชอาณาจักร กรณีทำให้ทรัพย์ของนายซันเสียหายลงโทษในราชอาณาจักรไม่ได้

ข. กรณีนายซิงห์ฐานทำร้ายร่างกายนางสาวสวยได้รับอันตรายสาหัส ลงโทษในราชอาณาจักรไม่ได้ กรณีทำให้ทรัพย์ของนายซันเสียหายลงโทษในราชอาณาจักรได้

ค. กรณีนายซิงห์ฐานทำร้ายร่างกายนางสาวสวยได้รับอันตรายสาหัส และกรณีทำให้ทรัพย์ของนายซันเสียหายลงโทษในราชอาณาจักรไม่ได้

ง. กรณีนายซิงห์ฐานทำร้ายร่างกายนางสาวสวยได้รับอันตรายสาหัส และ กรณีทำให้ทรัพย์ของนายซันเสียหายลงโทษในราชอาณาจักรได้

80. นายแดงโกรธแค้นนายดำศัตรูของตน จึงตกลงใจอย่างแน่วแน่ที่จะไปฆ่านายดำโดยการใช้ปืนยิง ระหว่างที่นายแดงกำลังตามหาปืนของตนที่ทำหาย นายม่วงศัตรูอีกคนหนึ่งของนายดำซึ่งไม่ทราบว่านายแดงตั้งใจจะฆ่านายดำอยู่แล้ว ได้ไปว่าจ้างนายแดงให้ไปฆ่านายดำ นายแดงตกลงตามที่นายม่วงว่าจ้างเพราะอยากได้เงินค่าจ้างและตนก็ได้ตกลงใจที่จะฆ่านายดำอยู่ก่อนแล้วไม่ว่านายม่วงจะมาว่าจ้างหรือไม่ ทั้งนี้นายม่วงได้ให้นายแดงยืมปืนไปใช้ฆ่านายดำด้วย เมื่อนายแดงพบนายดำจึงได้แอบเดินไปด้านหลังนายดำและชักปืนออกมาจากเอวเพื่อจะยิงนายโดยที่ยังมิทันยกปืนจ้องยิงไปทางนายดำ แต่นายแดงถูกพลเมืองดีเข้าขัดขวางเสียก่อน จึงไม่สามารถยิงนายดำได้ ให้วินิจฉัยว่า นายแดงและนายม่วงมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 52)

ก. นายแดงและนายม่วงไม่มีความผิดฐานใด

ข. นายแดงผิดฐานพยายามฆ่า และนายม่วงมีความผิดฐานผู้ใช้ รับโทษหนึ่งในสาม

ค. นายแดงผิดฐานพยายามฆ่า และนายม่วงมีความผิดฐานผู้ใช้ รับโทษเสมือนตัวการ

ง. นายแดงผิดฐานพยายามฆ่า และนายม่วงมีความผิดฐานผู้ใช้ รับโทษหนึ่งในสาม และผิดฐานสนับสนุนด้วย

81. นางสาวสำลีถูกนายเก้าข่มขืนกระทำชำเรา จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหานายเก้าว่าข่มขืนกระทำชำเราตน นายเก้าซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าไม่เคยข่มขืนกระทำชำเรานางสาวสำลี ต่อมานายเก้ายื่นฟ้องนางสาวสำลีต่อศาลเป็นคดีอาญาฐานลักทรัพย์ว่า นางสาวสำลีลักแหวนเพชรของตนไปหนึ่งวง ซึ่งไม่เป็นความจริง และนายเก้าได้เบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า นางสาวสำลี มาที่บ้านตนแล้วลักแหวนเพชรไป คดีที่นายเก้าฟ้องนี้ศาลพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ให้วินิจฉัยว่า นายเก้ามีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 52)

ก. นายเก้ามีความผิดฐานฟ้องเท็จ ตาม ปอ.มาตรา 175

ข. นายเก้ามีความผิดฐานเบิกความเท็จ ตาม ปอ.มาตรา 177

ค. นายเก้ามีความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ตาม ปอ.มาตรา 175 ,177

ง. นายเก้ามีความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ตาม ปอ.มาตรา 175 ,177 และให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน

82. นายชูเช่าตึกแถวเลขที่ 191 เปิดเป็นร้านขายยาและรักษาโรคในตอนกลางวัน ส่วนในตอนกลางคืนนายชูไปนอนที่อื่นไม่มีคนอยู่อาศัยในห้องนั้น แต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกัน มีนายชัยเช่าอาศัยอยู่ วันเกิดเหตุเวลากลางวันนายชูขับรถแวะไปที่สถานีบริการน้ำมันของนายชอบ ขอน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเอาไปเผาร้านขายยาของตนโดยหวังเงินประกัน นายชอบทราบความประสงค์แล้ว จึงเอาน้ำมันเบนซินใส่ถังให้นายชู 5 ลิตร หลังจากนั้นนายชูเอาน้ำมันดังกล่าวราดร้านขายยาของตนแล้วจุดไฟเผา นายชัยได้เข้าช่วยดับให้ และถูกไฟลวกถึงแก่ความตาย ให้วินิจฉัยว่า นายชูและนายชอบมีความผิดฐานใดหรือไม่ (เนติ 52)

ก. นายชูมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และเผาโรงเรือนที่อยู่อาศัย ตาม ปอ.มาตรา 217, 218 นายชอบมีความผิดฐานสนับสนุน

ข. นายชูมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และเผาโรงเรือนที่อยู่อาศัยจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ปอ.มาตรา 217, 218, 224 นายชอบมีความผิดฐานสนับสนุน

ค. นายชูมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และเผาโรงเรือนที่อยู่อาศัย ตาม ปอ.มาตรา 217, 218 นายชอบไม่มีความผิด

ง. นายชูมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และเผาโรงเรือนที่อยู่อาศัย ตาม ปอ.มาตรา 217, 218 นายชอบมีความผิดฐานสนับสนุน

83. นายโทกับนายเอกเป็นเพื่อนรักกันมาก คนทั้งสองไปพบนางสาวซื่อ อายุ 19 ปี ในงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อน นายโทและนายเอกเข้าจีบนางสาวซื่อด้วยกัน นางสาวซื่อรู้สึกชอบนายโท แต่แสดงท่าทีรังเกียจนายเอก นายโทและนายเอกปรึกษากันว่าจะทำให้ได้ร่วมประเวณีกับนางสาวซื่อทั้งสองคน นายโทชวนนางสาวซื่อไปคุยในห้องนอนและได้ร่วมประเวณีกับนางสาวซื่อก่อนด้วยความยินยอมของนางสาวซื่อ เสร็จแล้วนายโทได้ออกจากห้องนอนกลับบ้านไปโดยแง้มประตูไว้เพื่อเปิดโอกาสให้นายเอก แต่เมื่อนายเอกได้เข้าไปในห้องนอนและจะร่วมประเวณีกับนางสาวซื่อ นางสาวซื่อขัดขืนไม่ยินยอม นายเอกจึงใช้กำลังบังคับ นางสาวซื่อไม่มีกำลังพอที่จะสู้นายเอกได้ นายเอกจึงกระทำชำเรานางสาวซื่อได้สำเร็จ ให้วินิจฉัยว่า นายโทและนายเอกมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 52)

ก. นายโทและนายเอกมีความผิดฐานโทรมหญิง

ข. นายโท และนายเอกมีความผิดฐานตัวการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา

ค. นายโทมีความผิดฐานสนับสนุน และนายเอกมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา

ง. นายโทไม่มีความผิดใด และนายเอกมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา

84. นางสาวโสภาลักลอบได้เสียกับนายสมชายคนรักจนตั้งครรภ์ นายสมชายไม่ต้องการให้นางสาวโสภามีบุตร จึงแนะนำให้ไปทำแท้ง แต่นางสาวโสภาไม่ยอม นายสมชายจึงใช้มือชกและใช้เข่ากระแทกที่หน้าท้องของนางสาวโสภาหลายครั้ง เพราะต้องการให้นางสาวโสภาแท้ง นางสาวโสภาเจ็บมากจนต้องนำส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่านางสาวโสภาคลอดบุตรออกมา เด็กมีชีวิตอยู่เพียง 1 นาที ก็ถึงแก่ความตาย ส่วนนางสาวโสภาต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 10 วัน จึงออกจากโรงพยาบาลได้ ให้วินิจฉัยว่า นายสมชายมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 52)

ก. นายสมชายมีความผิดฐานพยายามทำแท้ง ตาม ปอ.มาตรา 303 , 80

ข. นายสมชายมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ตาม ปอ.มาตรา 295

ค. นายสมชายมีความผิดฐานพยายามทำแท้ง และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส ตาม ปอ.มาตรา 303 , 80 , 297

ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.

85. นายโกยหัวขโมย ขณะที่กำลังมองหาเหยื่ออยู่ ได้เหลือบไปเห็นนายจ๋องยืนอยู่ที่บันไดรถโดยสารประจำทางซึ่งกำลังติดไฟแดงอยู่ริมถนน นายโกยจึงเข้าไปดึงนายจ๋อยลงมาจากรถแล้วล้วงเอาธนบัตรฉบับละ 50 บาท ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของนายจ๋องวิ่งหนีไป ขณะที่วิ่งหนีนั้นนายกล้ากำลังจ้องดูอยู่ นายโกยจึงเข้าไปขู่นายกล้าว่าจะต้องไม่นำเรื่องที่เห็นไปเล่าให้ใครฟังมิฉะนั้นจะฆ่าทิ้งเสีย โดยพูดขู่หลายครั้ง จนนาย กล้ารำคาญและจะรีบไปทำงาน จึงตอบรับนายโกยว่าจะยอมปฏิบัติตาม ให้วินิจฉัยว่า นายโกยมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 52)

ก. นายโกยมีความผิดฐานลักทรัพย์

ข. นายโกยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ และพยายามทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ

ค. นายโกยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์

ง. นายโกยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ และพยายามทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ

86. นายดำเป็นบิดาของนายแดง ขณะที่คนทั้งสองนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง นายดำเกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทชกต่อยกับนายเขียวซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเคียง นายแดงเข้าห้ามปรามให้เลิกกัน นายเขียวหันมาต่อยนายแดง 1 ที นายแดงล้มลงแล้วนายเขียวหวนกลับไปชกต่อยกับนายดำอีก นายแดงลุกขึ้นมาใช้เก้าอี้ฟาดศีรษะนายเขียว 1 ที เป็นเหตุให้นายเขียวได้รับอันตรายสาหัส ให้วินิจฉัยว่า นายแดงมีความผิดและต้องรับโทษอย่างไร(เนติ 51)

ก. นายแดงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายเขียวจนได้รับอันตรายสาหัส โดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตาม ปอ.มาตรา 297 , 69 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดเพียงใดก็ได้

ข. นายแดงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายเขียวจนได้รับอันตรายสาหัส โดยจำเป็น ตาม ปอ.มาตรา 297 , 71 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดเพียงใดก็ได้

ค. นายแดงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายเขียวจนได้รับอันตรายสาหัส โดยบันดาลโทสะ ตาม ปอ.มาตรา 297 , 72 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดเพียงใดก็ได้

ง. นายแดงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายเขียวจนได้รับอันตรายสาหัส ตาม ปอ.มาตรา 297 , รับโทษตามกฎหมาย

87. นายสุขเป็นศัตรูกับนายใจ วันหนึ่งเห็นนายใจยืนอยู่ที่ท่าน้ำข้างเรือลำหนึ่ง นายสุขหยิบเอาก้อนอิฐขว้างปานายใจ นายใจหลบทันก้อนอิฐจึงไม่ถูกนายใจ แต่นายใจเซไปกระแทกถูกข้างเรือได้รับอันตรายแก่กาย ปรากฏว่าก้อนอิฐได้ไปถูกนายเมืองซึ่งยืนอยู่ทีท่าน้ำนั้น เป็นเหตุให้นายเมืองเสียหลักตกลงไปในน้ำ แต่มีพลเมืองดีช่วยนำนายเมืองขึ้นมาจากน้ำ นายเมืองหมดสติและถึงแก่ความตายเพราะขาดอากาศหายในจากการตกลงไปน้ำนั้น ให้วินิจฉัยว่า นายสุขจะมีความผิดต่อนายใจและนายเมืองฐานใด(เนติ 51)

ก. นายสุขมีความผิดต่อนายใจฐานพยายามทำร้ายร่างกาย และนายเมืองฐานฆ่าคนโดยโดยไม่เจตนาโดยกระทำโดยพลาด

ข. นายสุขมีความผิดต่อนายใจฐานทำร้ายร่างกาย และนายเมืองฐานฆ่าคนโดยโดยเจตนาโดยกระทำโดยพลาด

ค. นายสุขไม่มีความผิดต่อนายใจ และผิดต่อนายเมืองฐานฆ่าคนโดยโดยไม่เจตนาโดยกระทำโดยพลาด

ง. นายสุขมีความผิดต่อนายใจฐานทำร้ายร่างกาย และนายเมืองฐานฆ่าคนโดยโดยไม่เจตนาโดยกระทำโดยพลาด

88. นายสดทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้นางสาวสวย โดยมอบพินัยกรรมให้พระภิกษุสินเก็บรักษาไว้ ต่อมานายสดตาย นายใสมาขอรับพินัยกรรมดังกล่าวไปจากพระภิกษุสิน แต่ไม่ยอมนำออกมาเปิดเผย เพื่อมิให้นางสาวสวยได้รับมรดกตามพินัยกรรมของนายสด เมื่อนางสาวสวยขอพินัยกรรมจากนายใส นายใสก็ไม่ยอมให้ดู นางสาวสวยจึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ร้อยตำรวจโทก้องพนักงานสอบสวนมาสอบถามนายใสที่บ้านถึงเรื่องพินัยกรรม นายใสโกรธจึงพูดว่า ตำรวจไม่มีความหมายสำหรับกู อยากจับก็มาจับเลยในเมื่อกูไม่ได้กระทำผิด ให้วินิจฉัยว่า นายใสจะมีความผิดฐานใด(เนติ 51)

ก. นายใสมีความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งพินัยกรรมโดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตาม ปอ.มาตรา 188

ข. นายใสมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

ค. นายใสมีความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งพินัยกรรมโดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตาม ปอ.มาตรา 188 และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

ง. นายใสไม่มีความผิดฐานใด

89. สิบตำรวจตรีสมพรออกตรวจท้องที่โดยมีนายจองคนว่างงานขอตามไปด้วย ระหว่างทางพบนายไวแบกเลื่อยยนต์ผ่านมา สิบตรวจตรีสมพรอยากได้จึงแกล้งกล่าวหานายไวว่ากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วขอยึดเลื่อยยนต์ นายไวไม่ยอม นายจองจึงบอกนายไวว่าตนเองเป็นร้อยตำรวจเอกจอง หากไม่ยอมให้ยึดเลื่อยยนต์จะจับกุม นายไวจำยอมให้คนทั้งสองยึดเลื่อยยนต์ที่ตนได้มาโดยชอบไป สิบตำรวจตรีสมพรกับนายจองนำเลื่อยยนต์ไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน ให้วินิจฉัยว่า นายจองและสิบตำรวจตรีสมพรจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใดหรือไม่ (เนติ 51)

ก. สิบตำรวจตรีสมพรมีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ปอ.มาตรา 157 นายจองมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตาม ปอ.มาตรา 157 ,86 ,145 ,146

ข. สิบตำรวจตรีสมพรจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานข่มขืนใจตาม ปอ.มาตรา 148 นายจองมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตาม ปอ.มาตรา 148 ,86 ,145 ,146

ค. สิบตำรวจตรีสมพรจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานข่มขืนใจตาม ปอ.มาตรา 148 นายจองมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , ใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตาม ปอ.มาตรา 148 ,86 ,145 ,146

ง. สิบตำรวจตรีสมพรจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานข่มขืนใจตาม ปอ.มาตรา 148 นายจองมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตาม ปอ.มาตรา 148 ,86 ,145 ,146

90. นายม่วงเป็นพนักงานเก็บเงินของบริษัทแห่งหนึ่ง นายม่วงได้ขับรถจักรยานยนต์ของตนไปเก็บเงินจากลูกค้าของบริษัทได้เงินมาจำนวน 70,000 บาท ระหว่างทางที่ขับรถกลับบริษัท ถุงใส่เงินจำนวนดังกล่าวได้ตกหายไป เมื่อนายม่วงทราบเกรงว่าตนจะต้องชดใช้เงินให้แก่บริษัท นายม่วงจึงใชัท่อนไม้ทุบโคมไฟหน้ารถจักรยานยนต์ของตนจนแตกเสียหาย แล้วไปแจ้งความแก่พนักงานสอบสวนว่ามีคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ และใช้อาวุธปืนจี้ขู่เอาถุงใส่เงินดังกล่าวไป โดยคนร้ายได้ใช้ไม้ตีโคมไฟหน้ารถจักรยานยนต์ของตนแตกเสียหายด้วย ให้วินิจฉัยว่า นายม่วงจะมีความผิดฐานใด(เนติ 51)

ก. นายม่วงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตาม ปอ.มาตรา 173

ข. นายม่วงมีความผิดฐานทำพยานหลักฐานเท็จ ตาม ปอ.มาตรา179

ค. นายม่วงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ และทำพยานหลักฐานเท็จ ตาม ปอ.มาตรา 173,179

ง. นายม่วงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ และทำพยานหลักฐานและฉ้อโกงทรัพย์ ตาม ปอ.มาตรา 173,179 , 341

91. นายแตงเป็นหนี้ธนาคารกรุงสยาม จำกัด (มหาชน) เป็นเงิน 698,000 บาท โดยนายแตงจดทะเบียนจำนองที่ดินของตนแปลงหนึ่งเป็นประกัน ต่อมาธนาคารกรุงสยามจำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ได้มีหนังสือเร่งรัดให้นายแตงชำระหนี้ ขณะเดียวกันนายแตงเป็นหนี้นายเฟืองตามคำพิพากษาของศาลแพ่งที่พิพากษาให้นายแตงชำระหนี้แก่นายเฟืองจำนวน 500,000 บาท ด้วยนายแตงไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจากที่ดินดังกล่าว ต่อมานายแตงได้ขายที่ดินแปลงที่จำนองให้แก่นายสีไปในราคา 700,000 บาท ซึ่งเป็นราคาไม่ต่ำกว่าความเป็นจริงแล้วนายแตงได้นำเงินนั้นไปชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงสยาม จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ในวันเดียวกัน ทั้งนี้โดยนายแตงได้ขายที่ดินภายหลังจากที่ทราบว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้นายแตงชำระหนี้ให้แก่นายเฟืองแล้ว ให้วินิจฉัยว่า นายแตงจะมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 51)

ก. นายแตงมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตาม ปอ.มาตรา 350

ข. นายแตงไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตาม ปอ.มาตรา 350

ค. นายแตงมีความผิดฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ ตาม ปอ.มาตรา 341

ง. ไม่มีข้อใดถูก

92. ห้างหุ้นส่วนจำกัดว่องไวขนส่ง เป็นผู้รับขนส่งน้ำยางพาราของบริษัทร่ำรวย จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัดว่องไวขนส่ง ได้ให้นายแสงลูกจ้างของตนขับรถยนต์บรรทุกไปรับน้ำยางพาราเต็มคันรถจากบริษัทร่ำรวยจำกัด เพื่อนำไปส่งที่ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ระหว่างทางนายแสงได้พบนายเดชซึงเป็นเพื่อน จึงชวนนายเดชร่วมกันขนเอาน้ำยางพาราดังกล่าวไปในระหว่างการขนส่งและนำไปจำหน่ายให้แก่บุคคลอื่น แล้วเอาเงินไปแบ่งปันกัน ให้วินิจฉัยว่า นายแสงและนายเดชจะมีความผิดฐานใด(เนติ 51)

ก. นายแสงมีความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง ตาม ปอ.มาตรา 335 (11)

ข. นายเดชมีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ตาม ปอ.มาตรา 335 (7) ,80

ค. นายแสงมีความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง ตาม ปอ.มาตรา 335 (11) นายเดชมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.

93. นายดำกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกหกเดือนและปรับหนึ่งพันบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้สองปี นายดำไม่มีเงินชำระค่าปรับจึงถูกกักขังแทนค่าปรับ ระหว่างที่ถูกกักขังแทนค่าปรับนายดำกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จึงถูกฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดดังกล่าวและโจทก์มีคำขอให้เพิ่มโทษเพราะเป็นการกระทำความผิดอีก ทั้งขอให้นำโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีลักทรัพย์บวกเข้ากับโทษในคดีทำร้ายร่างกาย และขอให้เปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับในความผิดฐานลักทรัพย์เป็นโทษจำคุกด้วย ถ้าศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกนายดำในความผิดฐานทำร้ายร่างกายมีกำหนดสี่เดือน ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษ บวกโทษที่รอและเปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่(เนติ 50)

ก. ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษและเปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ไม่ได้ แต่บวกโทษที่รอได้

ข. ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษและเปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ได้ แต่บวกโทษที่รอไม่ได้

ค. ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษไม่ได้ แต่เปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ และบวกโทษที่รอได้

ง. ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษได้และเปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ไม่ได้ แต่บวกโทษที่รอได้

94. นายเหลืองขับรถยนต์บรรทุกดินลูกรังสูงเกินกำหนดพอถึงจุดตรวจซึ่งมีแผงเหล็กเครื่องหมาย หยุดตั้งอยู่กลางถนน สิบตำรวจโทม่วงซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่จุดตรวจนั้นได้เป่านกหวีดและให้สัญญาณหยุดรถ นายเหลืองกลัวถูกจับจึงไม่หยุดรถ แต่กลับเร่งเครื่องยนต์หลีกเครื่องหมายจราจรพุ่งเข้าใส่สิบตำรวจโทม่วงที่ยืนอยู่ แต่สิบตำรวจโทม่วงกระโดดหลบทัน ในขณะที่รถยนต์ที่นายเหลืองขับกำลังจะพุ่งเข้าใส่สิบตำรวจโทม่วงนั้น ร้อยตำรวจโทเขียวหัวหน้าจุดตรวจเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ร้อยตำรวจโทเขียวเกรงว่าสิบตำรวจโทม่วงจะได้รับภยันตราย ร้อยตำรวจโทเขียวจึงยิงปืนเข้าใส่ยางรถยนต์ที่นายเหลืองขับ ทำให้ยางรถยนต์ชำรุดเสียหาย ดังนี้ นายเหลืองและร้อยตำรวจโทเขียว จะมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 50)

ก. นายเหลืองผิดฐานพยายามทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตาม ปอ.มาตรา 295 , 80 และร้อยตำรวจโทเขียว ไม่มีความผิดฐานใด

ข. นายเหลืองผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตาม ปอ.มาตรา 289(2) , 80 และร้อยตำรวจโทเขียว ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แต่อ้างเหตุจำเป็นได้

ค. นายเหลืองผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตาม ปอ.มาตรา 289(2) , 80 และร้อยตำรวจโทเขียว ไม่มีความผิดฐานใด

ง. นายเหลืองผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตาม ปอ.มาตรา 289(2) , 80 และร้อยตำรวจโทเขียว ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แต่อ้างเหตุบันดาลโทสะได้

95. นายแจ่มและนายแจ๋วขับรถยนต์แข่งกันในถนนยามวิกาล ร้อยตำรวจเอกกล้าซึ่งตั้งด่านตรวจได้เรียกให้หยุดแล้วขอตรวจใบอนุญาตขับรถ นายแจ่มนำใบอนุญาตขับรถออกแสดง ปรากฎว่าใบอนุญาตขับรถดังกล่าวเป็นสำเนาซึ่งนายแจ่มถ่ายมาจากต้นฉบับใบอนุญาตขับรถของตนที่ภาพถ่ายหลุดหาย นายแจ่มจึงนำภาพถ่ายของตนมาปิดทับในสำเนาใบอนุญาตขับรถ แล้วอัดกรอบพลาสติกขนาดเท่าใบอนุญาตขับรถที่แท้จริงทั้งนี้เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจและบุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถดังกล่าวเป็นต้นฉบับใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้องแท้จริงที่นายทะเบียนเป็นผู้จัดทำขึ้น ส่วนนายแจ๋วมีใบอนุญาตขับรถ แต่ปรากฏว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของนายแจ๋วไม่ใช่แผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริงที่ทางราชการออกให้ เนื่องจากแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของนายแจ๋วที่ทางราชการออกให้ได้หลุดหาย นายแจ๋วจึงทำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ใหม่ให้มีลักษณะ ขนาด ตัวหนังสือ และตัวเลขเหมือนกับแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริง แล้วนำมาติดไว้กับรถยนต์ของตน ดังนี้ นายแจ่มและนายแจ๋วจะมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 50)

ก. นายแจ่มผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม และนายแจ๋วไม่มีความผิดฐานใด

ข. นายแจ่มไม่มีความผิดและนายแจ๋วมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม

ค. นายแจ่มและนายแจ๋วมีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม

ง. นายแจ่มและนายแจ๋วไม่มีความผิดฐานใด

96. ร้อยตำรวจเอกนิยมพนักงานสอบสวนจับกุมนายไก่ข้อหาฆ่าผู้อื่น ได้ทำบันทึกการจับกุมให้นายไก่ลงชื่อไว้ ร้อยตำรวจเอกนิยมแอบเติมข้อความลงในบันทึกดังกล่าวว่า สอบถามแล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วสอบปากคำผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาไว้ มอบให้พันตำรวจโทสุเทพหัวหน้าพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปตามระเบียบ พันตำรวจโทสุเทพได้เปลี่ยนเอาบันทึกการจับกุม กับบันทึกคำให้การผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาออกไปจากสำนวนและนำบันทึกที่ทำขึ้นใหม่ตามที่ผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาตกลงกันได้เข้ามาไว้แทนที่ เพื่อช่วยนายไก่มิให้ต้องโทษ ดังนี้ ร้อยตำรวจเอกนิยมและพันตำรวจโทสุเทพ จะมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใดหรือไม่(เนติ 50)

ก. ร้อยตำรวจเอกนิยมมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และพันตำรวจโทสุเทพมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเอาไปเสียซึ่งเอกสารซึ่งตนมีหน้าที่ปกครองหรือรักษา ตาม ปอ.มาตรา 158 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการโดยตำแหน่งโดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 200

ข. ร้อยตำรวจเอกนิยมมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร ตาม ปอ.มาตรา 161 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และพันตำรวจโทสุเทพมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเอาไปเสียซึ่งเอกสารซึ่งตนมีหน้าที่ปกครองหรือรักษา ตาม ปอ.มาตรา 158 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการโดยตำแหน่งโดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 200

ค. ร้อยตำรวจเอกนิยมมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร ตาม ปอ.มาตรา 161 และพันตำรวจโทสุเทพมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเอาไปเสียซึ่งเอกสารซึ่งตนมีหน้าที่ปกครองหรือรักษา ตาม ปอ.มาตรา 158 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการโดยตำแหน่งโดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 200

ง. ร้อยตำรวจเอกนิยมมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร ตาม ปอ.มาตรา 161 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และพันตำรวจโทสุเทพมีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเอาไปเสียซึ่งเอกสารซึ่งตนมีหน้าที่ปกครองหรือรักษา ตาม ปอ.มาตรา 158 และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการโดยตำแหน่งโดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 200

97. นายฮงถูกนายเม้งซึ่งเป็นนายจ้างเลิกจ้างเพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมาตั้งแต่ต้นปี 2540 นายฮงชวนนายฮวยไปจับตัวเด็กชายตี๋บุตรชายนายเม้งไปกักขังไว้ที่อาคารชุดของตน แล้วเขียนจดหมายให้นายเม้งนำเงินจำนวน 1,000,000 บาท มาไถ่ตัวเด็กชายตี๋เนื่องจากนายฮงรู้จักกับเด็กชายตี๋มาก่อนจึงเลี้ยงดูเด็กชายตี๋ในระหว่างกักขังนั้นเป็นอย่างดี ในวันนัดรับเงินจากนายเม้งนั้น นายฮวยเป็นผู้ไปรับเงินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตัวได้ เมื่อนายฮงทราบข่าวจึงรีบพาเด็กชายตี๋มอบให้แก่นายเม้งและเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ดังนี้ นายฮงและนายฮวยจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ และจะต้องรับโทษมากน้อยเพียงใด(เนติ 50)

ก. นายฮงและนายฮวยมีความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ และศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เพียงใดก็ได้

ข. นายฮงและนายฮวยมีความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ สำหรับนายฮงฯศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง

ค. นายฮงและนายฮวยมีความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ และศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง

ง. นายฮงและนายฮวยมีความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ และศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ส่วนนายฮวยมีความผิดฐานเป็นตัวกลางเรียกค่าไถ่

98. นายบิ๊กกับนายเบี้ยวต่างเป็นลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของธนาคาร เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 นางสาวหลงเจ้าหน้าที่การเงินของธนาคาร นำเงินฝากของนายบิ๊กไปเข้าบัญชีเงินฝากของนายเบี้ยวโดยผิดพลาดไป ทำให้เงินในบัญชีเงินฝากของนายเบี้ยวซึ่งมีเงินอยู่เพียง 10,000 บาทเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 บาท ต่อมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2539 นายเบี้ยวตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของตน เห็นว่ามียอดคงเหลือเกินกว่าที่เป็นจริงถึง 60,000 บาท จึงรีบออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 65,000 บาท แล้วนำไปเบิกเงินจากบัญชีเงินฝากของตนต่อธนาคาร และธนาคารได้จ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้นายเบี้ยวรับไป ดังนี้ นายเบี้ยวมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 50)

ก. นายเบี้ยวมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์

ข. นายเบี้ยวมีความผิดฐานลักทรัพย์

ค. นายเบี้ยวมีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์

ง. นายเบี้ยวไม่มีความผิดฐานใด เป็นเรื่องทางแพ่ง

99. นายเขียวได้ออกตระเวนเก็บเงินค่าจอดรถจากผู้ที่นำรถยนต์แท็กซี่รับจ้างมาจอดในบริเวณที่สาธารณะแห่งหนึ่งเป็นเงินรายละ 10 บาท หากผู้ขับรถรายใดไม่ให้เงินค่าจอดรถก็ต้องนำรถไปจอดไว้ที่บริเวณอื่น หรือหากยืนยันจะจอดรถในบริเวณนั้นนายเขียวก็จะขู่เข็ญว่าจะทำร้ายผู้จอดรถที่ไม่ยอมจ่ายเงินให้ โดยนายเขียวอ้างว่ามีเจ้าพนักงานตำรวจให้นายเขียวเป็นผู้เก็บเงินค่าจอดรถ นายดำขับรถยนต์แท็กซี่รับจ้างมาจอดในบริเวณดังกล่าว นายเขียวเข้ามาขอเก็บเงินจากนายดำ 10 บาท เป็นค่าจอดรถนายดำไม่ยอมให้ นายเขียวบอกว่าถ้าไม่ให้ก็ไม่ต้องจอดและนำอาวุธมีดปลายแหลมออกมาจ่อห่างจากไหล่นายดำประมาณ 7 ถึง 8 นิ้ว แล้วพูดขู่เข็ญให้ส่งเงินให้ นายดำจึงยอมให้เงินแก่นายเขียว ดังนี้ นายเขียวจะมีความผิดฐานใดหรือไม่(เนติ 50)

ก. นายเขียวมีความผิดฐานชิงทรัพย์

ข. นายเขียวมีความผิดฐานกรรโชกทรัพย์

ค. นายเขียวมีความผิดฐานลักทรัพย์ โดยมีอาวุธ

ง. นายเขียวมีความผิดฐานชิงทรัพย์ โดยมีอาวุธ

100. นางชดช้อยข้าราชการสถานทูตไทย ณ กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล ได้เขียนจดหมายจากสถานทูตดังกล่าวมาถึงผู้บังคับบัญชาในประเทศไทยว่า นางชวนชื่นข้าราชการในสถานทูตเดียวกันมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชาวต่างประเทศ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจทำความเสียหายแก่ประเทศไทย ควรเรียกตัวนางชวนชื่นกลับมาระเทศไทยเสีย ผู้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่าจดหมายนั้นเป็นความเท็จ จึงไม่เรียกตัวนางชวนชื่นกลับ ต่อมานางชวนชื่นทราบเรื่องจดหมาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในประเทศไทยว่านางชดช้อยหมิ่นประมาท ดังนี้ การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดที่จะลงโทษในราชอาณาจักรได้หรือไม่

ก. การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดที่ถือว่าส่วนหนึ่งส่วนใดทำในราชอาณาจักร สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้

ข. การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ไม่สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้

ค. การกระทำของนางชดช้อยไม่เป็นความผิด

ง. การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้

1.

2.

3.

4.

5.

6.

7.

8.

9.

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

21.

22.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

29.

30.

31.

32.

33.

34.

35.

36.

37.

38.

39.

40.

41.

42.

43.

44.

45.

46.

47.

48.

49.

50.

51.

52.

53.

54.

55.

56.

57.

58.

59.

60.

61.

62.

63.

64.

65.

66.

67.

68.

69.

70.

71.

72.

73.

74.

75.

76.

77.

78.

79.

80.

81.

82.

83.

84.

85.

86.

87.

88.

89.

90.

91.

92.

93.

94.

95.

96.

97.

98.

99.

100.